เสื้อปั่นอวยพรประเทศไทย
Tuesday, September 15, 2015
Monday, September 14, 2015
การบริหารพันธกิจโครงการพัฒนาพื้นที่สูง
การบริหารพันธกิจโครงการพัฒนาพื้นที่สูง
โครงการพัฒนาพื้นที่สูง หรือ Upland Holistic Development
Project เป็นองค์กรคริสเตียนสังกัดมูลนิธิคริสเตียนบริการ
(แบ็บติสท์) แห่งประเทศไทย ปัจจุบันตั้งอยู่เลขที่ 121 ม. 8
ต.แม่นาวาง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ 50280 www.uhdp.org ก่อตั้งโดยครอบครัวมิชชั่นนารีจากสหรัฐอเมริการคือ
ครอบครัวอาจารย์ริชาร์ท และอาจารย์เอเลน เบอร์เน็ต ในปี ค.ศ. 1996 โดยริเริ่มทำงานกับชนเผ่าปะหล่องในพื้นที่ อำภอแม่อาย ฝาง และเชียงดาวของ
จังหวัดเชียงใหม่ และดำเนินการตอบสนองต่อปัญหา
และทำงานพัฒนาชุมชนตามหลักการและวิถีทางความเชื่อของคริสเตียนมาตลอด
ปัจจุบันมีการดำเนินงานใน
24 ชุมชนในภาคเหนือของประเทศไทย
30 คริสตจักรในประเทศพม่า โดยมีประชากรที่เข้าร่วมโครงการราว
20,000 คน มีการทำงานแบบการพัฒนาแบบองค์รวมโดยเน้นใน ภ ประเด็นหลักๆคือ
สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจชุมชน จิตวิญญาณ หรือสังคมจริยธรรม
และความยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ซึ่งรายละเอียดจะได้นำเสนอต่อไปในเอกสารฉบับนี้
นิมิต และพันธกิจหลัก
นิมิต หรือ เป้าหมายระยะยาว
พี่น้องที่ขัดสนในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ถูกยกขึ้นให้พ้นจากปัญหาหนักทั้งในด้านร่างกาย
และจิตวิญญาณ โดยเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งกับผู้คน และชุมชน
พันธกิจหลัก
เรามุ่งมั่นหาวิธีการแบบคริสเตียนในการพัฒนาชุมชนสำหรับกลุ่มชาติพันธุ์ผู้ขัดสนในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
โดยใช้วิธีการแบบมีส่วนร่วม
และเน้นการสร้างความสัมพันธ์ และให้ชุมชนเข้ามาร่วมทำงาน
UHDP มุ่งมั่นให้ความช่วยเหลือที่เหมาะสม
และนำไปสู่ความยั่งยืนโดยการเสริมสร้างชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์เหล่านั้น
เพื่อให้พ้นจากปัญหาหนักที่มีผลต่อรูปแบบการใช้ชีวิตของพวกเขา
โดยดำเนินการในรูปแบบการพัฒนาแบบองค์รวม
โดยเน้นใน 4 ประเด็นคือ สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ จิตวิญญาณ และสิทธิมนุษยชน
ดังรูปต่อไปนี้
กรอบการทำงานแบบองค์รวม
หรือ Holistic
Development Program
โครงการพัฒนาพื้นที่สูงเชื่อมั่นว่า การพัฒนาชุมชนจะสำเร็จไปด้วยดีไม่ได้
หากไม่ได้ดำเนินการแบบองค์รวม
ซึ่งการดำเนินการลักษณะนี้จะมีส่วนสนับสนุนและถ่วงให้เกิดความสมดุลต่อรูปแบบและวิธีการพัฒนาชุมชน
และจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ก่อให้เกิดความพอเพียง และความยั่งยืนของชุมชนต่อไป โดยงานในประเทศไทย ทางโครงการเห็นว่า
เรื่องสิทธิและบทบาทหน้าที่เป็นกรอบใหญ่ที่เข้าไปเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับทุกมิติของงานพัฒนาทั้งในรูปแบบของปัจจัยเสริมสนับสนุนและปัจจัยฉุดหรือขัดขวาง
วัตถุประสงค์ (เป้าหมายระยะ 3 ปี ค.ศ. 2015-2017)
ด้านสิ่งแวดล้อม
ชุมชนมีแผนการดำเนินการเรื่องการจัดการที่ดินแบบยั่งยืน
ชุมชนมีแผนการจัดการป่าชุมชนและดำเนินการตามแผนอย่างมีประสิทธิภาพ
ชุมชนมีแผนการดำเนินการเรื่องการจัดการน้ำ
และสัตว์น้ำอย่างสม่ำเสมอ
ชุมชนมีระบบการจัดการเรื่องพลังงานแบบยั่งยืน
และมีการใช้พลังงานทางเลือกอย่างต่อเนื่อง
ชุมชนมีแผนการส่งเสริมการอนุรักษ์ดิน น้ำ
ป่าให้เด็ก และเยาวชน และดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ
เกิดความร่วมมือในลักษณะเครือข่ายสิ่งแวดล้อมเพื่อส่งเสริมสิทธิสิ่งแวดล้อม
และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติร่วมกัน
ด้านเศรษฐกิจชุมชน
ครอบครัว
และชุมชนมีการดำเนินงานเกี่ยวกับกิจกรรมลดรายจ่าย
ครอบครัว
และชุมชนมีการดำเนินงานเกี่ยวกับกิจกรรมการสร้างรายได้
ครอบครัว
และชุมชนมีการดำเนินงานเกี่ยวกับกิจกรรมการสร้างความมั่นคงด้านการเงินชุมชน
(ทุนชุมชน)
ชาวบ้านในพื้นที่เป้าหมายมีความรู้
ทักษะที่เพิ่มขึ้นในอาชีพของตนเอง
ด้านสิทธิมนุษยชน
เรื่องบทบาทชาย หญิง
ในชุมชนพื้นที่เป้าหมายมีความตระหนักด้านการเข้าถึงสิทธิด้านสุขภาพและความรู้ด้านสุขภาพของคนในชุมชน
ในชุมชนพื้นที่เป้าหมายมีความตระหนักในเรื่องบทบาทกลุ่มสตรี
และเครือข่ายสตรีดาราอาง และคะฉิ่น
ในชุมชนพื้นที่เป้าหมายเกิดความตระหนักรู้
ในเรื่องบทบาทหญิงชายในชุมชน
เรื่องสิทธิขั้นพื้นฐาน
ชุมชนมีกลไกที่มีศักยภาพในการคุ้มครองปกป้องการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน
ชุมชนมีศักยภาพในการปกป้องคุ้มครองคนในชุมชนให้ปลอดจากกระบวนการค้ามนุษย์
รัฐบาลยอมรับสิทธิความเป็นพลเมืองคนในชุมชนทุกคนมีสถานะบุคคลที่ชัดเจน
การแก้ไขกฎหมายระเบียบให้สอดคล้องกับการแก้ไชปัญหาสิทธิสถานะบุคคล
ชุมชนมีความเข้มแข็งในการปกป้องสิทธิของชุมชนจากการครอบงำอำนาจมืดในท้องถิ่น
ด้านจิตวิญญาณ
คริสตจักรท้องถิ่น และองค์กร
หน่วยงานคริสเตียนมีบทบาทในการพัฒนาแบบองค์รวม หรือที่เรียกว่า พันธกิจแบบองค์รวม
สมาชิกคริสตจักรมีชีวิตที่ติดสนิทกับพระเจ้า
และร้อนรนในการรับใช้ (การเป็นแบบอย่างที่ดีในการรักผู้อื่น
ห่วงใยแบ่งปันให้กันและกัน)
ชุมชนคริสเตียนเป็นแบบอย่างที่ดีต่อชุมชนเพื่อนบ้านในการบริหารจัดการชุมชน
ผู้นำระดับสังกัดให้การสนับสนุนและเข้าร่วมในการดำเนินงานเรื่องพันธกิจคริสเตียนแบบองค์รวม
ผู้นำคริสเตียนกลุ่มเป้าหมายเกิดทักษะในการทำพันธกิจแบบองค์รวม
และมีการดำเนินงานในระดับคริสตจักร และองค์กร หน่วยงานของตัวเอง
คริสตจักรท้องถิ่นเป้าหมายมีการดำเนินกิจกรรมการพัฒนาชุมชนของตนเอง
คริสเตียน
และคริสตจักรเกิดการรวมตัวกันในลักษณะเครือข่ายเพื่อทำพันธกิจแบบองค์รวม ร่วมกัน
แผนยุทธศาสตร์
กรอบยุทธศาสตร์ขององค์กร
แบ่งออกเป็นหลักๆ 2 หมวดคือ การพัฒนาองค์กร (Organizational
Strategy) และ การพัฒนาเชิงงานพัฒนาชุมชน (Program Strategy) โดยมีรายละเอียดคร่าวๆดังต่อไปนี้
โครงการพัฒนาพื้นที่สูงมองว่าองค์กรจะดำเนินการและเติบโตขึ้นได้อย่างเหมาะสมจำเป็นจะต้องมีความสมดุลให้มากที่สุดในสี่มุมมองดังที่ได้กำหนดไว้ตามเครื่องมือที่ชื่อว่า
Balanced Scorecard ซึ่งประกอบด้วย
มุมมองด้านการเติบโตและพัฒนาของบุคลากรและเทคโนโลยี,
มุมมองด้านกระบวนการภายในและการบริหาร, มุมมองด้านผู้ที่เกี่ยวข้อง
และมุมมองด้านการเงินซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
มุมมองด้านการเรียนรู้
และการเติบโตของบุคลากรและเทคโนโลยี องค์ความรู้ ซึ่งกำหนดแนวทางการพัฒนาไว้ดังนี้
ให้เกิดการสื่อสารแบบเปิดเผย และมีประสิทธิภาพ
นำเทคโนโลยี ระบบการจัดการ
และสิ่งอำนวยความสะดวกมาใช้อย่างเหมาะสม
สร้างวัฒนธรรมบนฐานของค่านิยมหลัก
ดึงดูด หนุนใจ พัฒนา และรักษาคนที่มีคุณภาพ
(สวัสดิการ ค่าตอบแทน ขวัญกำลังใจ ภาระใจ)
มุมมองด้านกระบวนการภายในและการจัดการ ซึ่งกำหนดแนวทางการพัฒนาไว้ดังนี้
พัฒนากระบวนการให้มีประสิทธิภาพและคงคุณภาพที่ดี
พัฒนาและรักษาความสัมพันธ์ที่ดี
(ผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการ)
ขยายผลการทดลองวิจัยและค้นหาวิธีการจัดการ
กำหนดวิธีการที่ก่อให้เกิดโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรที่เหมาะสม
มุมมองด้านลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งกำหนดแนวทางการพัฒนาไว้ดังนี้
เพิ่มขีดความสามารถในการสร้างให้ผู้สนับสนุน
อาสาสมัคร ลูกค้า แหล่งทุนได้เห็นคุณค่าของงาน UHDP
สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพในเรื่องผลการดำเนินงานของ
UHDP ต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
และกระตุ้นหนุนใจให้พวกเขาเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นใช้การสื่อสารแบบสองทาง
มุมมองด้านการเงิน ซึ่งกำหนดแนวทางการพัฒนาไว้ดังนี้
ทำให้ทรัพยากรด้านการเงินเติบโต
โดยการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การระดมทุน
สร้างความหลากหลายของทรัพยากรด้านการเงินโดยกำหนดเป็น
โครงการความร่วมมือต่างๆ,
ระดมทรัพยากรอื่นๆเช่น คน งานวิจัย ฯลฯ, ระดมทรัพยากรภายในองค์กร
ปรับปรุงและพัฒนาการใช้ทรัพยากรขององค์กร
และมุ่งเน้นความคุ้มค่าการใช้ทรัพยากรโดย การใช้ทรัพยากรด้านการเงินแบบผสมผสาน, การบริหารจัดด้านการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ
โครงสร้างการบริหารองค์กร
โครงการพัฒนาพื้นที่สูง
ดำเนินการโดยมีคณะกรรมการอำนวยการเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดทางด้านนโยบายและการบริหาร
และได้กำหนดให้มีทีมบริหาร ซึ่งประกอบด้วยประธานทีมบริหาร รองประธาน
และคณะกรรมการทีมบริหารจำนวน 4 คนรวมเป็นจำนวน 6 คนโดยแบ่งตามประเด็นงานองค์กร
และด้านการเงิน ทางองค์กรได้กำหนดฝ่ายงานออกเป็น 3 ฝ่ายงานคือ
ฝ่ายส่งเสริมและพัฒนาชุมชน ฝ่ายศูนย์การเรียนรู้ และฝ่ายการเงิน และสำนักงาน
โดยมีรายละเอียดตามรูปภาพดังต่อไปนี้
ความเข้าใจของฉันต่อโลกาภิวัตน์ เรียบเรียงโดย
ตุ้ย บุญศักดิ์ ทองดี
ผมไม่เคยให้ความสนใจอย่างจริงจังต่อคำว่า
โลกาภิวัตน์ หรือที่ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Globalization จนกระทั่งวันหนึ่ง
อาจารย์ผู้สอนเรื่อง Globalization ตามหลักสูตรของ M.Min
ที่สถาบันพระคริสตธรรมพะเยาได้ให้เขียนเรียงความเรื่อง “ความเข้าใจของฉันต่อโลกาภิวัตน์”
ที่ผมไม่ให้ความสนใจในเรื่องนี้ หรือคำนี้
อาจจะเนื่องมาจาก นิสัยส่วนตัวที่ หนึ่งคือไม่อยากตามกระแสใหม่ๆที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้คือเป็นการเปิดประเด็นไว้และให้คนมาแลกเปลี่ยน
โต้แย้ง เห็นด้วยหรือขัดแย้ง
สองคืออาจจะเป็นเพราะผมมักจะมองและให้น้ำหนักจากล่างสู่บน
หรือจากกำลังภายในสู่การระเบิดออกมาสู่ภายนอก
สามอาจจะเป็นเพราะผมไม่ชอบทำอะไรตามกระแส และอาจจะทำอะไรทวนกระแสด้วยซ้ำ
อย่างไรก็แล้วแต่ เมื่อได้โจทก์มาอย่างนี้แล้ว
และต้องเรียบเรียงออกมา ดังนั้นจะไม่อ่าน ไม่สนใจก็คงไม่ได้แล้วล่ะ
เพราะตราบใดที่ไม่เข้าใจในเรื่องที่จะเขียนมันก็จะเขียนออกมาไม่ได้ ใช่ไหมครับ ผมจึงใช้วิธีสอบถามท่านอาจารย์
Goo กูเกิ้ล
และสิ่งที่พบน่าสนใจทีเดียว ซึ่งผมจะนำมาสรุปให้ท่านผู้อ่านคร่าวๆละกัน
และจะจบลงด้วยความเข้าใจและความเห็นส่วนบุคคลของผมต่อเรื่อง
โลกาภิวัตน์นี้สักนิดหนึ่งครับ โดยผมจะขออนุญาตจัดโครงเรื่องสักหน่อยเพื่อความสะดวกของท่านผู้อ่านนะครับ
1.
นิยาม ของคำว่า โลกาภิวัตน์ หรือ Globalization
มีผู้ให้ความหมายไว้ดังต่อไปนี้
-
กระบวนการหรือกลุ่มของกระบวนการที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
เป็นความสัมพันธ์ทางสังคม อันมีเหตุมาจาก การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม
การก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีการสื่อสาร การขนส่ง เกิดสภาพโลกไร้พรมแดน
ทำให้ส่วนต่างๆของโลกมีความใกล้ชิดมากขึ้น สามารถเพิ่มการแลกเปลี่ยนระหว่างบุคคล
มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน เกิดความเป็นมิตรระหว่างพลเมืองโลก
-
โลกาภิวัตน์
คือความแปลกใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นบนโลก เพราะมันทำให้โลกกลายเป็น “สถานที่เดียวกัน”
อย่างไม่เคยเกิดมาก่อน มนุษย์กำลังก้าวเข้าสู่ “ยุคโลกานิยม” (“global age”) ซึ่งจะนำไปสู่การสิ้นสุดของรัฐชาติและการเกิดขึ้นของระเบียบโลกยุคใหม่
-
โลกาภิวัตน์ คือ ความเป็นโลกเดียวกัน
(เป็นการย่อโลกให้เล็กลงโดยการส่งผ่านข้อมูลข่าวสารอย่างรวดเร็ว)
มีความทันสมัยทางด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะในปัจจุบันความเป็นโลกเดียวกันของเศรษฐกิจ
การค้า การลงทุน การเงินเสรี ทำให้ทั้งโลกเชื่อมโยงเป็นระบบเดียวกัน
ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสาร เพื่อการค้าเสรีและการเงินเสรี
ส่งผลให้ประชากรในโลกพัฒนาไปสู่การมีอารยะธรรมเดียวกันทั้งโลก
2. ลักษณะสำคัญของโลกาภิวัตน์ อาจจะลองสรุปไว้ดังต่อไปนี้ (โปรดดูรูปภาพประกอบเพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น)
จากภาพประกอบข้างต้น หากเราพูดเรื่องโลกาภิวัตน์
มักจะมีหัวข้อเหล่านี้เข้ามาเป็นตัวกำหนดเนื้อหาการสนทนาของเรา ตัวอย่างเช่น
เราจะพูดถึงโลกาภิวัตน์ในลักษณะของ โลกไร้พรหมแดน
ซึ่งสอดคล้องกับเรื่องการลดความสำคัญของเขตแดนประเทศ นักนิยมโลกาภิวัตน์บางคนถึงขั้นที่บัญญัติคำศัพท์ขึ้นมาให้เลยทีเดียว
ท่านผู้อ่านเคยได้อ่านได้ยินคำว่า “พลเมืองโลก” แทนคำว่าประชากรของประเทศนี้หรือประเทศนั้นแทน
บางครั้งเราจะพูดคุยกันถึงเรื่อง ความรวดเร็วในการติดต่อสื่อสาร
ในอดีตเราอาจจะใช้เวลาเป็นเดือนเป็นปีในการพูดคุยกัน แต่ปัจจุบันนี้คนสองคนอยู่กันคนละซีกโลกพูดคุยกันเหมือนกับนั่งอยู่ติดกัน
และที่น่าสนใจที่สุดคือ กระบวนการที่เกิดขึ้นพร้อมกันในหลายๆด้านและเชื่อมโยงกันในลักษณะองค์รวมเช่น
เศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม สิทธิ สิ่งแวดล้อม จริยธรรม
การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วขึ้นในเรื่องต่างๆเหล่านี้และเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
3.
ผลกระทบจากกระแสโลกาภิวัตน์ สำหรับหัวข้อนี้ ผมจะยังไม่เสนอความเห็นนะครับ
เป็นเพียงการนำสิ่งที่คนอื่นๆได้ให้ความคิดเห็นเอาไว้ ซึ่งมีดังต่อไปนี้ (ขอช่วยดูภาพประกอบอีกครั้ง)
ภาพข้างต้นมาจาก http://www.globalisierung-infos.de/ นี้
(ต้องให้เครดิตเขาหน่อย เดี๋ยวโดนฟ้อง) แสดงให้เห็นว่า
มีทั้งผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบด้วย ถ้าดูภาษาอังกฤษไม่เข้าใจ ลองดูที่ผมสรุปเป็นภาษาไทยนี้ก็ได้
ไม่มีลิขสิทธิ์ใดๆ แต่ผมจะขอไม่อธิบายในรายละเอียดเนื่องจากเนื้อที่ไม่พอ
4.
ความเข้าใจ และความเห็นส่วนบุคคล
จากข้อมูลเบื้องต้น
ผมรู้สึกชอบแนวคิดแบบโลกาภิวัตน์นะครับ เพราะไม่ได้มองแยกส่วนจนเกินไป
อย่างน้อยเห็นว่า โลกใบนี้มันมีความเชื่อมโยงเกี่ยวเนื่องกันอยู่
เราควรจะห่วงใยส่วนอื่นๆในโลกใบนี้ด้วยเช่นกัน คือไม่ใช่เรื่องของบ้านฉัน
เรื่องของบ้านเธอ แต่เป็นเรื่องบ้าน(โลก)ของเรา แต่แน่นอนว่า
หากเป็นได้อย่างนั้นจริง
จะมีผู้มีอำนาจ(ล้นฟ้า)สักกี่คนที่จะยอมให้คนอื่นมายุ่มย่ามในบ้านของตนเอง แต่ก็มีที่ไม่ค่อยเห็นด้วยนะถ้ามองที่ผลกระทบบางตัว
เช่นการแข่งขันที่สูงขึ้นทำให้เกิดช่องว่างที่มากขึ้นระหว่างผู้แพ้กับผู้ชนะ
และอาจจะมีบางกลุ่มที่ยังไม่พร้อมจะแข่งขันในเกมใหม่ๆของโลกใบนี้
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างย่อมมีมากกว่าหนึ่งด้าน
อยู่ที่ตัวเราแล้วว่าเราจะมองให้รอบด้านได้ดีกว่าและนำข้อมูลเหล่านั้นไปก่อให้เกิดประโยชน์ได้มากน้อยแค่ไหน
....ขอเป็นกำลังใจให้กับคนในยุคโลกาภิวัตน์ทุกคนนะครับ
เอกสารอ้างอิง
พิชัย วาศนาส่ง. (2549). โลกาภิวัตน์:
หมุนตามโลก สารพันสาระที่ควรรู้ เพื่อทันกระแสโลก.กรุงเทพฯ: ปาเจรา.
Scholte, J. A. (2005). Globalization: A Critical
Introduction (2nd ed.). New York: Palgrave Macmllan.
Subscribe to:
Posts (Atom)