ความเข้าใจของฉันต่อโลกาภิวัตน์ เรียบเรียงโดย
ตุ้ย บุญศักดิ์ ทองดี
ผมไม่เคยให้ความสนใจอย่างจริงจังต่อคำว่า
โลกาภิวัตน์ หรือที่ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Globalization จนกระทั่งวันหนึ่ง
อาจารย์ผู้สอนเรื่อง Globalization ตามหลักสูตรของ M.Min
ที่สถาบันพระคริสตธรรมพะเยาได้ให้เขียนเรียงความเรื่อง “ความเข้าใจของฉันต่อโลกาภิวัตน์”
ที่ผมไม่ให้ความสนใจในเรื่องนี้ หรือคำนี้
อาจจะเนื่องมาจาก นิสัยส่วนตัวที่ หนึ่งคือไม่อยากตามกระแสใหม่ๆที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้คือเป็นการเปิดประเด็นไว้และให้คนมาแลกเปลี่ยน
โต้แย้ง เห็นด้วยหรือขัดแย้ง
สองคืออาจจะเป็นเพราะผมมักจะมองและให้น้ำหนักจากล่างสู่บน
หรือจากกำลังภายในสู่การระเบิดออกมาสู่ภายนอก
สามอาจจะเป็นเพราะผมไม่ชอบทำอะไรตามกระแส และอาจจะทำอะไรทวนกระแสด้วยซ้ำ
อย่างไรก็แล้วแต่ เมื่อได้โจทก์มาอย่างนี้แล้ว
และต้องเรียบเรียงออกมา ดังนั้นจะไม่อ่าน ไม่สนใจก็คงไม่ได้แล้วล่ะ
เพราะตราบใดที่ไม่เข้าใจในเรื่องที่จะเขียนมันก็จะเขียนออกมาไม่ได้ ใช่ไหมครับ ผมจึงใช้วิธีสอบถามท่านอาจารย์
Goo กูเกิ้ล
และสิ่งที่พบน่าสนใจทีเดียว ซึ่งผมจะนำมาสรุปให้ท่านผู้อ่านคร่าวๆละกัน
และจะจบลงด้วยความเข้าใจและความเห็นส่วนบุคคลของผมต่อเรื่อง
โลกาภิวัตน์นี้สักนิดหนึ่งครับ โดยผมจะขออนุญาตจัดโครงเรื่องสักหน่อยเพื่อความสะดวกของท่านผู้อ่านนะครับ
1.
นิยาม ของคำว่า โลกาภิวัตน์ หรือ Globalization
มีผู้ให้ความหมายไว้ดังต่อไปนี้
-
กระบวนการหรือกลุ่มของกระบวนการที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
เป็นความสัมพันธ์ทางสังคม อันมีเหตุมาจาก การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม
การก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีการสื่อสาร การขนส่ง เกิดสภาพโลกไร้พรมแดน
ทำให้ส่วนต่างๆของโลกมีความใกล้ชิดมากขึ้น สามารถเพิ่มการแลกเปลี่ยนระหว่างบุคคล
มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน เกิดความเป็นมิตรระหว่างพลเมืองโลก
-
โลกาภิวัตน์
คือความแปลกใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นบนโลก เพราะมันทำให้โลกกลายเป็น “สถานที่เดียวกัน”
อย่างไม่เคยเกิดมาก่อน มนุษย์กำลังก้าวเข้าสู่ “ยุคโลกานิยม” (“global age”) ซึ่งจะนำไปสู่การสิ้นสุดของรัฐชาติและการเกิดขึ้นของระเบียบโลกยุคใหม่
-
โลกาภิวัตน์ คือ ความเป็นโลกเดียวกัน
(เป็นการย่อโลกให้เล็กลงโดยการส่งผ่านข้อมูลข่าวสารอย่างรวดเร็ว)
มีความทันสมัยทางด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะในปัจจุบันความเป็นโลกเดียวกันของเศรษฐกิจ
การค้า การลงทุน การเงินเสรี ทำให้ทั้งโลกเชื่อมโยงเป็นระบบเดียวกัน
ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสาร เพื่อการค้าเสรีและการเงินเสรี
ส่งผลให้ประชากรในโลกพัฒนาไปสู่การมีอารยะธรรมเดียวกันทั้งโลก
2. ลักษณะสำคัญของโลกาภิวัตน์ อาจจะลองสรุปไว้ดังต่อไปนี้ (โปรดดูรูปภาพประกอบเพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น)
จากภาพประกอบข้างต้น หากเราพูดเรื่องโลกาภิวัตน์
มักจะมีหัวข้อเหล่านี้เข้ามาเป็นตัวกำหนดเนื้อหาการสนทนาของเรา ตัวอย่างเช่น
เราจะพูดถึงโลกาภิวัตน์ในลักษณะของ โลกไร้พรหมแดน
ซึ่งสอดคล้องกับเรื่องการลดความสำคัญของเขตแดนประเทศ นักนิยมโลกาภิวัตน์บางคนถึงขั้นที่บัญญัติคำศัพท์ขึ้นมาให้เลยทีเดียว
ท่านผู้อ่านเคยได้อ่านได้ยินคำว่า “พลเมืองโลก” แทนคำว่าประชากรของประเทศนี้หรือประเทศนั้นแทน
บางครั้งเราจะพูดคุยกันถึงเรื่อง ความรวดเร็วในการติดต่อสื่อสาร
ในอดีตเราอาจจะใช้เวลาเป็นเดือนเป็นปีในการพูดคุยกัน แต่ปัจจุบันนี้คนสองคนอยู่กันคนละซีกโลกพูดคุยกันเหมือนกับนั่งอยู่ติดกัน
และที่น่าสนใจที่สุดคือ กระบวนการที่เกิดขึ้นพร้อมกันในหลายๆด้านและเชื่อมโยงกันในลักษณะองค์รวมเช่น
เศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม สิทธิ สิ่งแวดล้อม จริยธรรม
การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วขึ้นในเรื่องต่างๆเหล่านี้และเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
3.
ผลกระทบจากกระแสโลกาภิวัตน์ สำหรับหัวข้อนี้ ผมจะยังไม่เสนอความเห็นนะครับ
เป็นเพียงการนำสิ่งที่คนอื่นๆได้ให้ความคิดเห็นเอาไว้ ซึ่งมีดังต่อไปนี้ (ขอช่วยดูภาพประกอบอีกครั้ง)
ภาพข้างต้นมาจาก http://www.globalisierung-infos.de/ นี้
(ต้องให้เครดิตเขาหน่อย เดี๋ยวโดนฟ้อง) แสดงให้เห็นว่า
มีทั้งผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบด้วย ถ้าดูภาษาอังกฤษไม่เข้าใจ ลองดูที่ผมสรุปเป็นภาษาไทยนี้ก็ได้
ไม่มีลิขสิทธิ์ใดๆ แต่ผมจะขอไม่อธิบายในรายละเอียดเนื่องจากเนื้อที่ไม่พอ
4.
ความเข้าใจ และความเห็นส่วนบุคคล
จากข้อมูลเบื้องต้น
ผมรู้สึกชอบแนวคิดแบบโลกาภิวัตน์นะครับ เพราะไม่ได้มองแยกส่วนจนเกินไป
อย่างน้อยเห็นว่า โลกใบนี้มันมีความเชื่อมโยงเกี่ยวเนื่องกันอยู่
เราควรจะห่วงใยส่วนอื่นๆในโลกใบนี้ด้วยเช่นกัน คือไม่ใช่เรื่องของบ้านฉัน
เรื่องของบ้านเธอ แต่เป็นเรื่องบ้าน(โลก)ของเรา แต่แน่นอนว่า
หากเป็นได้อย่างนั้นจริง
จะมีผู้มีอำนาจ(ล้นฟ้า)สักกี่คนที่จะยอมให้คนอื่นมายุ่มย่ามในบ้านของตนเอง แต่ก็มีที่ไม่ค่อยเห็นด้วยนะถ้ามองที่ผลกระทบบางตัว
เช่นการแข่งขันที่สูงขึ้นทำให้เกิดช่องว่างที่มากขึ้นระหว่างผู้แพ้กับผู้ชนะ
และอาจจะมีบางกลุ่มที่ยังไม่พร้อมจะแข่งขันในเกมใหม่ๆของโลกใบนี้
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างย่อมมีมากกว่าหนึ่งด้าน
อยู่ที่ตัวเราแล้วว่าเราจะมองให้รอบด้านได้ดีกว่าและนำข้อมูลเหล่านั้นไปก่อให้เกิดประโยชน์ได้มากน้อยแค่ไหน
....ขอเป็นกำลังใจให้กับคนในยุคโลกาภิวัตน์ทุกคนนะครับ
เอกสารอ้างอิง
พิชัย วาศนาส่ง. (2549). โลกาภิวัตน์:
หมุนตามโลก สารพันสาระที่ควรรู้ เพื่อทันกระแสโลก.กรุงเทพฯ: ปาเจรา.
Scholte, J. A. (2005). Globalization: A Critical
Introduction (2nd ed.). New York: Palgrave Macmllan.
ลองอ่านดูนะครับ และ comment มาหน่อยนะครับ
ReplyDeleteเยี่ยมเลยค่ะ เราต้องเป็นกระบอกเสียงเพื่อผู้คนจะได้มาสนใจถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นให้มากขึ้นต่อไป
ReplyDeleteจริงๆ แล้วก็มีสิ่งที่ดีๆ เยอะ แต่ก็อันตรายเหมือนกันเพราะอาจเป็นตัวนำมนุษย์สู่ยุคสุดท้ายก็เป็นได้
ReplyDelete